ประวัติโจวซิงฉือ Stephen Chow
วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
ผู้หญิงของโจวซิงฉืออออออออ
ผู้หญิงของโจวซิงฉืออออออออ
โจวซิงฉือเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบ ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวของเขามีเพียงพี่สาว โจวเหวินจี และน้องสาวโจวซิงเสีย เท่านั้น ในเรื่องชื่อเสียงเงินทอง ชีวิตผู้ชายคนนี้น่าจะจัดได้ว่ามีอย่างล้นหลามแล้ว ขาดแต่สาวข้างกายเพียงเท่านั้น กว่า 10 ปีที่ผ่านมา โจวซิงฉือมักจะมีข่าวกับสาวในวงการบันเทิงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เหตุไฉนถึงยังไม่มีคู่ตุนาหงันสักที สื่อจีนได้มีการรวบรวมสาวที่เคยตกเป็นข่าวกับเขามาให้ลองหวนรำลึกกัน
หลัวฮุ่ยเจวียน เป็นสาวคนแรกที่โจวซิงฉือยอมรับว่าเคยเป็นแฟน ทั้งสองพบกันเมื่อปี 1987 จากการแสดงละครร่วมกันทางสถานีทีวีบี เพราะตอนนั้นทั้งสองยังไม่ดังด้วยกันทั้งคู่ จึงตัดสินใจคบกันได้อยู่ 3 ปี แต่แล้วทั้งสองคนก็ต้องแยกทางกันในปลายปี 1992 กับกระแสข่าวมือที่ 3 อย่าง จูอิน ที่แพร่สะพัดหนาหู ภายหลังก็มีข่าวกับโจวซิงฉืออยู่พักใหญ่
สำหรับสาวสวยจูอิน เพราะร่วมงานกันใน “คนเล็กนักเรียนโต” จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคืบหน้าไป ดูเหมือนโจวซิงฉือจะยอมรับกลายๆ ด้วยว่ากำลังคบหาอยู่กับจูอิน ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชน หรือการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ
แต่ในช่วงปี 1993-1994 เขาก็มีข่าวกับนักแสดงสาวม่อเหวินเหว่ย ที่เขาปั้นมากับมือ จนกระทั่งปี 1995 เขากับจูอินก็แยกทางกัน พร้อมกับการแสดงหนังเรื่องสุดท้ายร่วมกันในไซอิ๋ว
ความสัมพันธ์ระหว่างโจวซิงฉือ และ ม่อเหวินเหว่ย เกิดขึ้นจากการร่วมงานกันในเรื่อง คนเล็กกุ๊กเทวดา หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาในเรื่องไซอิ๋ว ทั้งสองก็เริ่มคบหากัน ความรักเป็นไปอย่างราบเรียบและเป็นที่รู้กันในวงการเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2002 กลับมีข่าวว่าโจวซิงฉือไปเที่ยวกับสาวอื่น ซึ่งเป็นนางเอกคนใหม่ที่เขากำลังผลักดันอยู่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงค่อยๆ สลายไปในที่สุด แต่ทั้งสองก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
สาวที่ได้รับการผลักดันที่ว่าก็คือจางป๋อจือ สมัยเข้าวงการแรกๆ เธอคือสาวหน้าใสที่หนุ่มๆ หลายคนต่างอยากใกล้ชิดที่สุดคนหนึ่ง เธอมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับโจวซิงฉืออยู่พักหนึ่ง จนเหมือนกลายเป็นประเพณีไปแล้วว่า ใครเป็นเด็กสร้างของโจวซิงฉือ จะต้องมีข่าวเรื่องหัวใจตามมาด้วย ปัจจุบันเธอเป็นแม่คนไปแล้ว สามีของเธอก็คือพระเอกเซี่ยถิงฟงนั่นเอง
จะว่าไปแล้วจ้าวเวยก็ไม่ใช่เด็กปั้นของโจวซิงฉือเสียทีเดียว เพราะเธอโด่งดังจากเรื่อง องค์หญิงกำมะลออยู่แล้ว จนกระทั่งเธอได้มีโอกาสร่วมงานกับโจวซิงฉือในเรื่อง นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ พร้อมกับข่าวที่ทั้งสองควงกันไปโน่นไปนี่ แต่ก็ไม่มีคำยืนยันจากปากของเขาว่ากำลังคบหากับจ้าวเวยสักที
มีครั้งหนึ่งนักข่าวถามว่า “ระหว่างจ้าวเวย กับม่อเหวินเหว่ย ใครมีคุณสมบัติเป็นแฟนได้ดีกว่ากัน” เขาสวนทันควันว่า “คนรักที่เหมาะสมกับผมก็คือมีตาสองข้าง จมูกหนึ่งอัน มีมือมีขานั่นแหละผู้หญิงที่ดี”
ที่มา https://mgronline.com/china/detail/9490000158678
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของโจวซิงฉือ
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของโจวซิงฉือ
คงไม่มีใครไม่รู้จัก "โจวซิงฉือ" แสดงหนังจีน "นักเตะเสี้ยวลิ้มยี้" เป็นแน่แท้ นักแสดงหนุ่มชาวจีนอารมณ์ดีที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ ในผลงานที่ผ่านมาของเขาเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไปทุกๆเรื่อง ด้วยฝีมือการแสดงที่เน้นเสียงหัวเราะ แบบทะเล้นแต่มีเสน่ห์เหลือเกิน ถ้าได้ประกบคู่ อู่ม่งต๊ะเมื่อไหร่ เป็นฮากระจาย แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่เขาจะเข้าวงการมีชื่อเสียงจนร่ำรวยมาได้ ชีวิตของเขาวัยเด็กนั้นลำบากยิ่งกว่าภาพยนต์ในบทบาทขอทานที่เขาชอบเล่นเสียอีก วันนี้เราจะพาไปอ่านเรื่องราวที่ใครหลายคนต้องเสียน้ำตาอย่างแน่นอน
- ตอนที่พ่อกับแม่หย่ากัน ผมเพิ่งอายุ 7 ขวบ ศาลตัดสินให้ผมกับพี่สาวและน้องสาวอยู่กับแม่ ช่วงปี 1968 ที่ฮ่องกง แม่เลี้ยงดูเรา 3 พี่น้องด้วยความยากลำบาก แม่ต้องทำงาน 2 ที่ แต่โชคดีที่ลูกๆล้วนเป็นเด็กดี โดยเฉพาะผมตั้งใจเรียนมาก สอบได้คะแนนดีตลอดทำให้เป็นลูกรักของแม่
- แต่มีแค่เรื่องเดียวที่แม่เป็นห่วงพวกเรา คือ เรื่องอาหารการกิน ลูกๆ
กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ไม่ว่ากระเบียดกระเสียรแค่ไหน
แม่ก็ต้องหาเนื้อหาปลามาให้พวกเรากินเสมอ
แต่อาจเป็นเพราะผมถูกตามใจจนเคยตัว หรือไม่ก็เพราะนานๆ
จะมีเนื้อมีปลากินสักครั้ง ทันทีที่อาหารขึ้นโต๊ะ
ผมก็จะยกจานมาไว้ตรงหน้าตัวเอง เลือกกินของที่ชอบ
พี่สาวน้องสาวก็ดีเหลือเกิน ไม่เคยแย่งผมกินเลย แต่ว่าผมกินไม่ค่อยมาก
กินแค่สองสามคำก็เลิกกิน หันไปเล่นซน
- ผมยังมีนิสัยเสียอีกอย่าง คือ ชอบเอาของกินมาเคี้ยวเล่น
แล้วก็คายกลับลงบนจาน ของที่ผมคายทิ้งนั้นพี่สาวน้องสาวไม่กล้ากิน
แต่เพราะเสียดายของ แม่จึงเป็นคนกินทุกครั้ง
นิสัยเสียนี้แม่ตำหนิผมหลายครั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์
อาจเพราะว่าเรื่องเรียนเรื่องนิสัยอื่น ผมไม่มีปัญหาอะไร
แม่จึงยอมให้เพราะคิดว่าเป็นนิสัยซนของเด็กๆ
- แต่มีครั้งหนึ่ง แม่โกรธจริงๆและลงมือทำโทษผมด้วย….ครั้งนั้น
แม่ไม่ได้เงินเดือนมา 2 เดือนแล้ว ต้องไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อน่องไก่ 2
น่องให้พวกเรากิน น่องไก่ย่างจนเหลืองหอม
พอยกขึ้นโต๊ะผมก็ปีนขึ้นไปหยิบใส่ปากกัดคำโต
แถมยังทำท่าทำทางล้อเลียนพี่สาวน้องสาวด้วย ทันใดนั้น
น่องไก่ก็หลุดมือตกลงบนพื้น เปื้อนดินจนสกปรก
- แม่ทั้งโกรธทั้งเสียดาย
คว้ากิ่งไม้มาหวดผมสิบกว่าครั้ง จนพี่สาวน้องสาวต้องเข้ามาดึงตัวผมออกมา
แม่ถึงยอมวางไม้ลงได้
ทั้งแม่ทั้งลูกสามคนกอดกันร้องไห้…หลังคราบน้ำตาแห้งลง
พวกเราก็เริ่มกินข้าวกันใหม่ แม่เสียดายน่องไก่
จึงเก็บขึ้นมาแล้วเอาน้ำร้อนลวก แล้วกินเสียเอง
- คืนวันนั้น แม่เข้ามากอดผม แล้วถามว่า “ยังเจ็บมั้ย?
วันหลังจะซนอีกมั้ย?” ความจริงผมยังเจ็บอยู่ แต่แอบยิ้มพร้อมบอกแม่ไปว่า
“นอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”
- สิบกว่าปีให้หลัง ผมกับแม่ไปออกรายการโทรทัศน์
แม่เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ชมฟัง และบอกว่า “ตอนเด็กๆ ผมซนมาก
ไม่รู้เลยว่ากับข้าวแต่ละอย่างหามายากลำบากแค่ไหน ไม่รู้จักคุณค่าของเลย”
- ผมย้อนคิดถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก แล้วก็บอกออกไปว่า “ไม่ครับแม่
ผมรู้ว่าแม่ลำบาก…แต่ถ้าผมไม่แกล้งทำน่องไก่ตกดิน แม่จะยอมกินไหม?
สมัยเด็กๆ มีของกินดีๆ อะไร แม่ก็จะให้พวกเราสามพี่น้องกินเสมอ
แม่กินข้าวเปล่ากับผักดองตลอด ผมก็เลยคิดอุบาย เคี้ยวเนื้อแล้วก็คายทิ้ง
แม่ถึงยอมกินเพราะความเสียดาย”
- พอแม่ได้ยินความลับที่เก็บงำมากว่าสิบปี
ถึงกับน้ำตาริน บอกว่า “แม่น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว
เพราะเจ้าเป็นเด็กดีทุกเรื่อง ยกเว้นแค่เรื่องกินเรื่องเดียวที่นิสัยเสีย”
- ในครั้งนั้น ผมกับแม่กอดกันร้องไห้อย่างไม่อายผู้ชม
ผมเห็นว่าผู้ชมหลายคนก็แอบเสียน้ำตาด้วย….ผมเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับหนังมากมายหลายเรื่อง
แต่การแสดงที่ดีที่สุดของผมก็คือ ตอน 7 ขวบครั้งนั้น
เพราะเป็นการแสดงที่ออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ หากแต่มีผู้ชมเพียงคนเดียว
ก็คือ “แม่” ของผม”
ที่มา https://www.tnews.co.th/contents/424443
คนเล็กไม่เกรงใจนรกภาคสองงงงงงงงงงงง
คนเล็กไม่เกรงใจนรกภาคสองงงงงงงงงงงง
ภายหลังการรอคอยอย่างคาดหวังล้นหลาม โจว ซิงฉือ (สตีเฟ่น โจว) ดาวตลกและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกงคนดัง กำลังจะได้ฤกษ์ฉายหนังเรื่องใหม่ "เดอะ นิว คิง ออฟ คอมเมดี้" (The New King of Comedy) ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์นี้แล้ว ซึ่งถือเป็นฉบับรีเมกสร้างใหม่จากหนังฮาคลาสสิก "คิง ออฟ คอมเมดี้" (King of Comedy) หรือชื่อภาคภาษาไทย "คนเล็กไม่เกรงใจนรก" เมื่อปี 2019 อย่างไม่เป็นทางการ
รายงานระบุว่าภาคสองของหนังดังกล่าวจะประกอบด้วยนักแสดงใหม่หมดนำโดยนักแสดงชาวจีน
อาทิ หวัง เป่าเฉียง และ เอ้อ จิงเหวิน
โดยจะไม่ดำเนินเรื่องตามแบบหนังต้นตำรับแต่อย่างใดทั้งสิ้น
แม้จะไม่มีดาราเก่ามาร่วมแสดงเลย แต่แฟนๆ
มีหวังต้องตื่นเต้นระทึกใจ เมื่อ โจว ซิงฉือ วัย 56 ปี ดอดไปพบกับ จาง
ป๋อจือ (เซซิเลีย เจิ่ง) ดาราสาวเพื่อนร่วมชาติวัย 38 ปี
ที่เคยร่วมนำแสดงด้วยกันในภาคแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
โดยทั้งคู่ต่างยินดีที่ได้พบกัน และทบทวนความทรงจำร่วมกันในอดีต
ไม่เพียงแต่จะไม่ลืมบทบาทของ จาง ป๋อจือ ในครั้งนั้น โจว ซิงฉือ
ยังแย้มว่าเธอจะมาเป็นดารารับเชิญในหนังใหม่เรื่องนี้ด้วย
เมื่อถูกถามถึงประสบการณ์การถ่ายทำหนังร่วมกับ โจว ซิงฉือ
นางเอกหมวยคนงามกล่าวว่า "จริงๆ แล้วฉันไม่กลัวเขาเลยนะ
ฉันกลัวว่าฉันจะเล่นไม่ดีมากกว่า แต่ฉันรู้ว่าฉันน่าจะทำได้ดี
ถ้าฉันมุ่งมั่นตั้งใจกับการแสดง"
ที่มา http://www.siamdara.com/hot-news/inter-news/1127965
จะเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีอู๋ม่งต๊ะ ในหนังของโจวซิงฉือ
จะเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีอู๋ม่งต๊ะ ในหนังของโจวซิงฉือ
นับตั้งแต่หนังเรื่อง “คนเล็กหมัดเทวดา” เป็นต้น แฟนๆ หนังของ โจวซิงฉือ ส่วนใหญ่มักจะพูดคล้ายๆ กับว่าหนังของ โจวซิงฉือ ไม่ตลกเหมือนเดิมอีกแล้ว อาจจะเพราะลีลาที่เปลี่ยนแปลงไป การเน้นขายในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น จนทำให้ต้องปรับมุกให้เข้ากับรสนิยมของคนที่นั่น …. แต่เหตุผลหลักๆ อีกอย่างที่คนมักจะพูดกันก็คือ ตั้งแต่ที่ โจวซิงฉือ ไม่มี อู๋ม่งต๊ะ มาเป็นลูกคู่ หนังของเขาก็ไม่ตลกเหมือนเดิมอีกแล้ว
อู๋ม่งต๊ะ เริ่มต้นอาชีพที่โรงเรียนการแสดงของ TVB และมีงานแสดงส่วนใหญ่ในบทสมทบต่างๆ ชีวิตช่วงแรกลุ่มๆ ดอนๆ มีปัญหาเรื่องเงิน และเรื่องดื่มหนัก จนเกือบจะไปไม่รอด แต่สุดท้ายก็กลับตัวกลับใจ มุ่งมั่นกับงานแสดง จนเริ่มมีผลงานให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ชีวิตการเป็นนักแสดงของ อู๋ม่งต๊ะประสบความสำเร็จถึงขั้นขีดสุดกับหนังเรื่อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” ที่ส่งให้ อู๋ม่งต๊ะคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายในการประกาศรางวัลภาพยนต์ฮ่องกงในปี 1990
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง อู๋ม่งต๊ะ กลับค้นพบแนวทางใหม่ในเส้นทางการแสดง กับการเล่นบทตลก เมื่อเขาได้รับเลือกให้ประกบคู่ เป็นตัวส่งมุกให้กับ โจวซิงฉือ นักแสดงดาวรุ่งที่วงการหนังฮ่องกงปั้นให้เป็นราชาตลกคนใหม่ในช่วงนั้นจริงๆ แล้ว อู๋ม่งต๋ะ กับ โจวซิงฉือ เคยทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ สมัย TVB แล้ว ในหนังซีรีส์หลายๆ เรื่อง
ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด อู๋ม่งต๊ะ มีผลงานปีละหลายๆ เรื่อง และแทบจะตามไปเล่นหนังกับ โจวซิงฉือ ในแทบทุกเรื่องด้วย เรียกว่าเห็น อาซิง ที่ไหน ก็ต้องมี ลุงต๊ะ อยู่ที่นั่นด้วยเสมอ
จนกระทั่งใน นักเตะเสี่ยวลิ้มยี่ อู๋ม่งต๊ะ ก็แทบจะเป็นพระเอกคู่กับ โจวซิงฉือ ในหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ทำเงินเป็นปรากฏการณ์ ได้มีโอกาสไปเข้าฉายในสหรัฐฯ และยังคว้ารางวัลต่างๆ แทบนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่ นักเตะเสี่ยวลิ้มยี่ กลายเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงตอนนี้เป็นเวลาถึง 16 ปี แล้วที่ อู๋ม่งต๊ะ กับ โจวซิงฉือ ไม่ได้มีโอกาสร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ตัวของ อู๋ม่งต๊ะ ก็กลับไปเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทตามเดิม อาจจะรับงานแสดงในบทตลกอยู่บ้าง แต่ก็มีผลงานการแสดงที่หลากหลายมากขึ้น
ปัจจุบัน อู๋ม่งต๊ะ สุขภาพไม่ค่อยดีนัก ถึงอย่างงั้นก็ยังมีงานแสดงออกมาให้เห็นเรื่อยๆ แต่สำหรับแฟนๆ ที่หวังจะได้เห็น อู๋ม่งต๊ะ กับ โจวซิงฉือ กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง อาจจะต้องทำใจแล้วก็ได้ เพราะลำพังแค่หวังให้ โจวซิงฉือ กลับมาเล่นหนังอีกครั้ง ก็ยังไม่รู้จะเกิดขึ้นเลยรึเปล่า
ที่มา https://mgronline.com/entertainment/detail/9600000034169
โจว ซิงฉือ(Stephen Chow, Stephen Chow Sing-Chi)
โจว ซิงฉือ(Stephen Chow, Stephen Chow Sing-Chi)
โจว ซิงฉือ (จีนตัวเต็ม: 周星馳, จีนตัวย่อ: 周星驰, พินอิน: Zhōu Xīngchí, อังกฤษ: Stephen Chow, Stephen Chow Sing-Chi) เป็นนักแสดง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบทภาพยนตร์แนวตลกโปกฮา, แนวตลกล้อเลียน (Parody Movie) ได้รับยกย่องให้เป็น เจ้าพ่อหนังฮา หรือ King of Comedy ของวงการหนังฮ่องกง และวงการภาพยนตร์เอเชีย
โจว ซิงฉือ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1962 ที่ฮ่องกง เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว มีพี่สาวหนึ่งคน น้องสาวสองคน รกรากอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โจว ซิงฉือ ใฝ่ฝันอยากทำงานวงการภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก มีนักแสดงในดวงใจ คือ บรูซ ลี, โจว เหวินฟะ และว่าน จือเหลียง เรียนจบการศึกษาระดับมัธยมได้ไปสมัครงานค่ายสถานีโทรทัศนทีวีบีฮ่องกง แต่ถูกปฏิเสธจึงสมัครเข้าเรียนการแสดงในโรงเรียนการแสดงค่ายทีวีบีแทน รุ่นเดียวกันกับ เหลียง เฉาเหว่ย ได้เป็นพิธีกรโทรทัศน์รายการเด็ก 430 Space Shuttle คู่กับ เหลียง เฉาเหว่ย ได้แสดงซีรีส์ให้กับค่ายทีวีบี และแสดงภาพยนตร์ แต่เป็นบทตัวประกอบ เป็นส่วนใหญ่
ในปี ค.ศ. 1987 โจว ซิงฉือ ได้แสดงภาพยนตร์ในบทสมทบ(เป็นครั้งแรก) ในเรื่อง The Price Of Growing Up ฉายแววความสามารถทางการแสดงได้อย่างโดดเด่น จึงมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์มากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามองของวงการบันเทิงฮ่องกงอีกด้วย ในปี 1988 ได้รับรางวัลม้าทองคำ(ไต้หวัน) นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Final Justice (1988) หรือ เฉ่งไอ้คุณโป ต่อมาในปี 1989 ได้รับบทพระเอกซีรีส์ของค่ายทีวีบี เรื่อง จอมยุทธผงาดฟ้า (The Final Combat 1989) หรือ จอมยุทธสะท้านโลกันตร์ ซีรีส์กำลังภายในแนวตลกโปกฮาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเป็นกระแสนิยมทั่วเกาะฮ่องกง ส่งให้โจว ซิงฉือ ก้าวสู่สถานะพระเอก (Leader Actor) ของวงการละครซีรีส์เต็มตัว จนเป็นที่คาดการณ์ว่า เขาจะโด่งดังจากการเป็นนักแสดงแนวตลกโปกฮา ซึ่งวงการบันเทิงฮ่องกงขาดแคลนมาโดยตลอด
ในปี 1990 จากกระแสความดังของภาพยนตร์ เรื่อง God of Gamblers (1989) หรือ คนตัดคน ภาค 1 โด่งดังไปทั่วเอเชีย โจว ซิงฉือ พระเอกตลกหน้าใหม่ของวงการบันเทิงฮ่องกงโด่งดังจากซีรีส์ เรื่อง จอมยุทธผงาดฟ้า ได้มารับบทล้อเลียนหนังเรื่อง คนตัดคน ดังกล่าว ในภาพยนตร์ เรื่อง All for the Winner (1990) หรือ คนตัดเซียน หนังประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล จนเป็นจุดเริ่มต้น หนังแนวตลกล้อเลียน (Parody Movie) ของโจว ซิงฉือ เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังสร้างปรากฏการณ์กระแสคู่หูคู่ฮา โจว ซิงฉือ กับ อู๋ เมิ๋งต๋า ในโลกภาพยนตร์อีกด้วย ต่อมาทางผู้สร้างภาพยนตร์เจ้าเดิม (ค่าย Win 's Entertainment) ได้นำ โจว ซิงฉือ มาแสดงภาพยนตร์ เรื่อง God of Gamblers 2 (1990) หรือ คนตัดคน ภาค 2 คู่กับ หลิว เต๋อหัว หนังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายไปทั่วเอเชีย ส่งให้โจว ซิงฉือ โด่งดังทั่วเอเชียในพริบตา
อย่างไรก็ตาม โจว ซิงฉือ มาประสบความสำเร็จในฐานะพระเอกนำเดี่ยวเต็มตัว ในภาพยนตร์ เรื่อง Fight Back to School (1991) หรือ คนเล็กนักเรียนโต ที่แสดงกับ อู๋ หมงต๊ะ นักแสดงคู่บุญ - คู่หูคู่ฮา ภาพยนตร์ทำรายได้มหาศาลและถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์หนังแนวตลกโปกฮา โจว ซิงฉือ - อู๋ หมงต๊ะ พร้อมส่งให้เขาก้าวสู่ทำเนียบ พระเอกยอดนิยม สายหนัง Comedy หรือ หนังตลกโปกฮา เป็นต้นมา โจว ซิงฉือ ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลทั่วเอเชีย สมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติฮ่องกง รวบรวมยอดรายได้ box office ในช่วงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงรุ่งเรืองในปี 1985 - 2005 (รอบ 20 ปี) โจว ซิงฉือ เป็นนักแสดงที่มียอดรายได้ (Box Office) รวมกันสูงถึง 1,317,452,311 ล้านเหรียญฮ่องกง(HKD) เป็นพระเอกพันล้านคู่กับ หลิว เต๋อหัว มียอดรายได้ (Box Office) 1,733,275,816 ล้านเหรียญฮ่องกง (HKD) ซึ่งวงการภาพยนตร์ฮ่องกงให้ฉายาว่า คู่พระเอกขาว - ดำ หรือ พระเอกสายฮา (โจว ซิงฉือ) - พระเอกสายโศก (หลิว เต๋อหัว) ทั้งคู่ยังได้แสดงหนังแนวตลกโปกฮาผสมดราม่าโรมานซ์ เรื่อง Tricky Brains (1991) หรือ คนกัดคน เล่นเป็นลูกพี่ลูกน้องมีพ่อคนเดียวกัน (อู๋ หมงต๊ะ) ในหนังมีการสลับบุคลิกการแสดงกันด้วย ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เป็นที่ฮือฮาไปทั่วเอเชียอย่างมากมาย
โจว ซิงฉือ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับภาพยนตร์แนวตลกล้อเลียน (Parody Movie) ที่มีต้นฉบับเป็นวรรณกรรม นวนิยาย เช่น อุ้ยเสี่ยวป้อ จอมยุทธเย้ยยุทธจักร (Royal Tram 1,2 /1992) ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ( Flirting Scholar 1993) พยัคฆ์ไม่ร้าย คังคังฉิก (Forbidden City Cop 1996) หรือ ล้อเลียนหนังดังระดับตำนาน เช่น พยัคฆ์ไม่ร้าย 007 (From Beijing with Love 1994) เป็นต้น
แต่ถึงกระนั้น โจว ซิงฉือ ไม่หยุดความสำเร็จไว้กับหนังตลกแนวล้อเลียน(Parody Movie) เพียงอย่างเดียว ได้คิดค้นหนังตลกในแบบฉบับของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ในปี 1991 ได้แสดงภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนญี่ปุน เรื่อง Fist of Fury (1991) หรือ คนเล็กต้องใหญ่ เขาได้สร้างคาแรกเตอร์ตัวละครจนเป็นภาพจำแก่ผู้ชมภาพยนตร์เป็นอย่างมาก โจว ซิงฉือ จึงพัฒนาคาแรกเตอร์ตัวละครในรูปแบบเดียวกันลงในภาพยนตร์จนกลายเป็นอัตลักษณ์ประจำตัวของเขา เช่น คนเล็กกุ๊กเทวดา (The God of Cookery 1996) คนเล็กไม่เกรงใจนรก (King of Comedy 1999) ภาพยนตร์ที่เป็นกระแสไปทั่วโลก เช่น นักเตะเสี่ยวลิ้มยี่ (Sholin Soccer 2001) คนเล็กหมัดเทวดา (Kung Fu Hustle 2004) ซึ่งวงการภาพยนตร์โลก ยกย่องให้เป็นหนึ่งในแนวหนังของโลก คือ "หนังตลก สไตล์โจวซิงฉือ" หรือ Chow 's Comedy แนวหนังคอมมาดี้ ดราม่า ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว พระเอกต่ำตม แต่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
นอกจากนี้ โจว ซิงฉือ ยังมีฝีมือการแสดงอย่างยอดเยี่ยม ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เอเชียแปซิฟิก (Best Actor of Asia at the Pacific Film Festival) จากภาพยนตร์ เรื่อง Justice My Foot (1992) หรือ คนเล็กสะท้านยุทธจักร และรางวัลตุ๊กตาทอง(ฮ่องกง) สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ เรื่อง Shaolin Soccer (2001) หรือ นักเตะเสียวลิ้มยี่
ผลงานในระยะหลัง โจว ซิงฉือ ทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์ กำกับการแสดง และอำนวยการสร้าง แต่ไม่ได้แสดงหนังเอง เคยได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ เรื่อง Shaolin Soccer (2001) หรือ นักเตะเสียวลิ้มยี่ อีกด้วย
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A7_%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%B7%E0%B8%AD
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)